วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สรุปวิจัย / โทรทัศน์ครู

สรุปงานวิจัย


วิจัย
                                                                                    
ชื่อวิจัย      การพัฒนาทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยโดยใช้กิจกรรมการเรียนแบบต่อภาพ

ชื่อผู้วิจัย       ลดาวรรณ    ดีสม

นิยาม
    การเรียนแบบต่อภาพ
     หมายถึง   เทคนิคการเรียนแบบร่วมมืออย่างหนึ่งที่สมาชิกกลุ่มเหย้าแต่ละคนต้องไปศึกษาค้นคว้าในส่วนที่ได้รับมอบหมายร่วมกับเพื่อนในกลุ่มเหย้าอื่น  ซึ่งเป็นกลุ่มใหม่เรียกว่ากลุ่มผู้เชี่ยวชาญแล้วนำความรู้ที่ได้กลับมาสอนให้แก่สมาชิกกลุ่มเหย้าเดิม ได้เรียนรู้ภาพรวมทั้งหมด เพื่อให้เกิดมโนทัศน์ในเรื่องที่เรียนตามจุดประสงค์การเรียนการสอน

    กิจกรรมการเรียนแบบต่อภาพ
      หมายถึง  การสอนที่จัดกลุ่มเด็กเป็นกลุ่มละ กลุ่มละ 4 คน เรียกว่ากลุ่มเหย้าซึ่งสมาชิกในกลุ่มเหย้าทั้ง 4 คน จะได้รับมอบหมายให้ไปศึกษาเนื้อหาคนละส่วน โดยไปศึกษาร่วมกับเพื่อนในสมาชิกกลุ่มเหย้าอื่นที่ได้รับมอบหมายในเรื่องเดียวกัน ซึ่งเกิดเป็นกลุ่มใหม่ เรียกว่า กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ และกลุ่มผู้เชี่ยวชาญนี้จะศึกษาเนื้อหาแตกต่างกันไปตามลักษณะของข้อมูลที่ได้รับในแต่ละหัวข้อย่อย โดยศึกษาจากสื่อ อุปกรณ์ที่ครูจัดเตรียมไว้ให้แล้วปรึกษาหารือกันเพื่อสรุปเป็นมโนทัศน์ในเรื่องที่ศึกษา พร้อมกับนำความรู้ที่ได้กลับไปเสนอต่อเพื่อนกลุ้มเหย้าเดิม ซึ่งความรุ้ที่สรปได้จากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญและสมาชิกนำกลับมาเสนอต่อกลุ่มเหย้านั้น จะก่อให้ได้เกิดการเรียนรู้ภาพรวมทั้งหมดของเนื้อหาที่ต้องการให้เด็กเรียนรู้ในแต่ละวัน ซึ่งมีขั้นตอนการจัดกิจกรรมดังนี้

        ขั้นนำ
        เป็นกิจกรรมเตรียมเด็กเข้าสู่บทเรียนโดยการสนทนา ใช้คำถาม เพลง คำคล้องจอง ปริศนา คำทาย หรือสื่ออย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อกระตุ้นให้นักเรียนเกิดความต้องการและเกิดความสนใจที่จะเรียน

        ขั้นดำเนินการสอน
         กำหนดหัวข้อเรื่องที่ต้องเรียนในแต่ละวัน ครุชี้แจงจุดประสงค์และวิธีการเรียน ซึ่งดำเนินการจากกลุ่มเหย้าและกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ และสรุปข้อความรู้ร่วมกันให้เป็นไปตรามหัวข้อเรื่องที่เรียนในแต่ละวัน

        ขั้นสรุป
         เด็กและครูร่วมกันสรุปข้อความรู้ในเรื่องที่เรียนโดยใช้กิจกรรมต่างๆ  เพื่อให้ได้มโนทัศน์ตามจุดประสงค์การเรียนรู้ประจำวัน

ทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์
          การสังเกต   หมายถึง ความสามารถในการบอกความแตกต่าง บอกลำดับวัตถุ จัดสิ่งของให้เป็นหมวดหมู่ โดยใช้เกณฑ์ในการจัดแบ่ง เช่น ความเหมือน ความต่างหรือความสัมพันธ์อย่างใดอย่างหนึ่ง
         การวัด  หมายถึง   การใช้เครื่องมืออย่างใดอย่างหนึางวัดหาปริมาณของสิ่งต่างๆ เป็นหน่วยวัดที่มีหรือไม่มีมาตราฐานซึ่งอาจไม่มีหนวยกำกับก็ได้ เช่น นิ้ง คือ ศอก เป็นต้น รวมถึงการกะปริมาณความหนักเบาของวัตถุ
         การหามิติสัมพันธ์   หมายถึง  ความสามารถในการบอกความสัมพันธ์ระหว่างมิติต่างๆ ของวัตถุหรือตำแหน่งของวัตถุ ได้แก่ รูปทรง ขนาด ตำแหน่ง พื้นที่ สถานที่ และระยะทาง
        การลงความเห็นจากข้อมูล  หมายถึง  ความสามารถในการอธิบาย หรือแสดงความคิดเห็นหรือสรุปผลจากข้อมูลที่ได้จากการสังเกต การวัด การสัมผัส หรือการทดลองได้อย่างมีเหตุผล



แหล่งที่มา : thesis.swu.ac.th/swuthesis/Ear_Chi_Ed/Ladawan_D.pdf






สรุปวิทยาศาสตร์จากโทรทัศน์ครู

  โทรทัศน์ครู 




โดยโทรทัศน์ สนุกวิทย์ ครูสง่า
โรงเรียน ดาราคราม

       โดยการปูพื้นฐานให้กับเด็กก่อน การสังเกต การสัมผัส แท่งโลหะ 1 แท่ง ครูต้องมีสื่อมาให้เด็กดูเพื่อให้เด็กได้สังเกตมองเห็นจริง ครูสง่า สอนเรื่องเสียง โดยเสียงเกิดขึ้นจากมวลเนื้อวัตถุ คลื่นเสียงเกิดจากการกระแทก การกระทบ จากการสั่นของวัตถุ

อุกรณ์
1. โลหะ 1 แท่ง
2. ซ้อม
3. สปริง
4. แก้วน้ำ

วิธีเล่น
1. น้ำโลหะมาตีซ้อม จะเกิดการสั้น
2. น้ำซ้อมที่สั่นจ่มลงกับแก้วน้ำ น้ำจะเกิดการสั่นสะเทือน
3. เด็กสังเกตการสั่นสะเทือนของผิวน้ำ

สรุป น้ำเกิดการสั้นเพราะซ้อมโดนโลหะตีและ ซ้อมก็จะเกิดเสียงเมื่อโดยวัตถุกระทบ





แหล่งที่มา  :  https://www.youtube.com/watch?v=FKc8nKOJUKE



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น